วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2551

ความรู้ที่ได้จากวิชา เตรียมฝึกประสบการณ์วิชาชีพ

ครั้งที่ 1 วันที่ 16 กรกฎาคม 2551 วัน ปฐมนิเทศ นั่งฟังการบรรยาย ก่อนจบมี พิธี บายศรีสู่ขวัญ
ครั้งที่ 2 วันที่ 23 กรกฎาคม 2551 เรียนรู้ความเป็นมาของมหาวิทยาลัย สวนดุสิต
ครั้งที่ 3 วันที่ 30 กรกฎาคม 2551 การฝึกทักษะภาษาอังกฤษ เรียนรู้วิธีการ สร้าง blog และ เรียนรู้ ยุคการ เรียนรู้ว่ามี ยุคสมัยทางสังคม-เทคโนโลยี ยุคเกษตรกรรม ยุคอุตสาหกรรม ยุคสาระสนเทศ ยุคความรู้ ยุคปัญญา
ครั้งที่ 4 วันที่ 6 สิงหาคม 2551 ขาดเรียน...
ครั้งที่ 5 วันที่ 13 สิงหาคม 2551 การพัฒนาบุคลิกภาพ ได้ทราบถึง คุณลักษณะของนักศึกษาที่ดี จะต้อง เป็นบุคคลที่มี บุคลิกภาพที่ดี มีน้ำใจ ใฝ่หาความรู้ เชิดชูองค์การ สมานสามัคคี ทราบถึงความหมายของบุคลิกภาพ องประกอบ ของ บุคลิกภาพว่ามี ร่างกาย อารมณ์ สังคม ปัญญา
ครั้งที่ 6 วันที่ 20 สิงหาคม 2551 จัดนิทรรศการ ประจำแขนง คอมธุรกิจ ได้จัดนิทรรศการบรรยาย เกี่ยวกับโครงการที่ แต่ละกลุ่มได้ไปทำการศึกษามาว่า มีผลการดำเนิน งานออกมา อย่างไร นำเสนอ คณะอาจารย์ และ นักศึกษารุ่นน้องที่ สนใจเข้าร่วมกิจกรรม มีการตอบแบบ สอบถาม
ครั้งที่ 7 วันที่ 27 สิงหาคม 2551 ได้เรียนรู้ถึง หลักการแบบ บุคคลออกตาม ปีที่เกิด ทราบถึง วิธีการใช้ จ่ายแล้วนำมาแยกประเภทของบุคคล ซึ่งสามมารถแยกได้ดังนี้ Baby Boomer,Yuppies,Generation x,Generation Y, Generation Z, Generration C ซึ่งGenerration C จะเป็นการแบ่งที่แปลกที่สุดคือ ไม่แบ่งตามอายุแต่ เน้นเนื้อหาสาระเป็นหลัก เป็นคนชอบ ค้นหา ความรู้ ขี้สงสัย โดยจะหาข้อมูลจากใน Internet ไม่ชอบตกกระแส ชอบใช้ E-mail โทรศัพท์ ชอบการติดต่อ สื่อสาร

4 วิธีป้องกันการเป็น ‘ปลาทอง’

เอ๊ะ! เอากุญแจรถไว้ไหน เมื่อกี้ปิดไฟในบ้านหรือยัง วันเกิดแฟนวันที่ 12 หรือ 22 กันแน่นะ แล้วผู้หญิงคนนั้นชื่อน้องเก๋หรือเอ้หว่า ฯลฯ อาการขี้ลืมแบบนี้สร้างความรำคาญให้ใครต่อใครอยู่เสมอ ก่อนที่คุณจะมีความจำสั้นแค่ 3 วินาทีเหมือนปลาทอง ผมมี 4 วิธีง่ายๆ ที่คุณทำได้เองตั้งแต่ตอนนี้มาฝากครับ 1. กินอาหารที่มีประโยชน์สถาบันประสาทวิทยาแห่งสหรัฐฯ รายงานว่า การกินผักและผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ส้ม ผักโขม แครอท บร็อค-โคลี มะเขือเทศ ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดสโตรคถึง 11% แถมยังช่วยบำรุงให้เซลล์สมองสามารถทำงานเชื่อมโยงกันได้ดียิ่งขึ้น ในขณะที่วิตามินบีโดยเฉพาะ บี12 และกรดโฟลิกช่วยลดการเสี่ยงในการเป็นโรคความจำเสื่อมได้อีกด้วย 2. ออกกำลังกาย เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับคนที่อยากมีสุขภาพดี การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เช่น การวิ่ง การปั่นจักรยาน หรือบอดี้คอมแบต ช่วยให้ระบบไหลเวียนของเลือดทำงานดีขึ้น และช่วยกำจัดไขมันที่เกาะตามเส้นเลือด นั่นหมายความว่าเลือดจะสามารถนำออกซิเจนและสารอาหารไปหล่อเลี้ยงสมองได้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง การออกกำลังกายยังช่วยให้คุณนอนหลับสนิท ทำให้สมองได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ไม่ต้องถึงขนาดวิ่งวิบากก็ได้ครับ แม้แต่การรำมวยจีน โยคะ ก็ช่วยให้พัฒนาสมองได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน แต่อย่าลืมดื่มน้ำหลังการออกกำลังกายด้วย เพราะการขาดน้ำอาจทำให้สมองทำงานได้ไม่เต็มที่ 3. ออกกำลังสมองถ้าอยากให้ร่างกายแข็งแรงก็ต้องออกกำลังกาย เช่นเดียวกัน ถ้าอยากให้สมองแข็งแรงก็ต้องออกกำลังสมอง พูดง่ายๆ ก็คือ ใช้สมองนั่นแหละครับ มีหลายวิธีที่ทำให้สมองของคุณได้ใช้งาน เช่น การเล่นหมากรุก การอ่านหนังสือ การเล่นเกมอักษรไขว้ อย่ากลัวที่จะเรียนภาษาใหม่ๆ หรือเรียนดนตรีตอนอายุมากแล้ว เพราะนั่นเป็นการออกกำลังสมองอย่างดีเลยละครับ ต่อให้คุณมีระบบจดจำหมายเลขโทรศัพท์แล้ว ลองจำหมายเลขโทรศัพท์ของคนใกล้ชิดไว้ในสมองสิครับ หรือเวลารถติดก็ลองเอาเลขป้ายทะเบียนรถคันข้างหน้ามาบวกลบคูณหารกัน สมองมีไว้ใช้ ถ้าไม่ใช้ก็มีแต่จะเสียมันไปเท่านั้น 4. หลีกเลี่ยงการดื่มเหล้านึกถึงตอนที่คุณเมาจนจำไม่ได้ว่าเมื่อคืนคุณทำตัวน่าอายแค่ไหนนั่นแหละครับ แม้จะเป็นเพียงแก้วสองแก้ว แอลกอฮอล์ก็สามารถไปรบกวนการสร้างความจำระยะยาว (Long-term memories) ได้เหมือนกัน การวิจัยอีกหลายชิ้นก็ชี้ว่า ยิ่งดื่มแอลกอฮอล์มากเท่าไรก็ยิ่งเสี่ยงต่อการทำลายความจำมากขึ้น เห็นแบบนี้แล้วอย่าใช้มันเป็นข้ออ้างในการดื่มเพื่อลืมเธอเลยนะคุณ ใจก็เสียไปแล้ว อย่าให้สมองเสียไปอีกเลย ข้อมูลจาก : http://women.sanook.com/health/tips/tips_38614.php